วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555


ซิฟิลิส Syphilis




เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Treponema pallidum เชื้อนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อเมือกเช่น ช่องคลอด ท่อปัสสาวะ ปาก เยื่อบุตา หรือทางผิวหนังที่มีแผล เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้ากระแสเลือด และไปจับตามอวัยวะต่างๆทำให้เกิดโรคตามอวัยวะ โรคนี้แบ่งออกเป็น 4 ระยะได้แก่
-primary
-secondary
-latent
-tertiary (or late)
คนเราติดเชื้อโรคนี้ได้อย่างไร
-ทางเพศสัมพันธ์
-เชื้อโรคสามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยผ่านทางเยื่อบุช่องคลอด ท่อปัสสาวะ
-เชื้อโรคจะติดต่อได้บ่อยในระยะ primary เนื่องจากระยะนี้จะไม่มีอาการ
-ในระยะ secondary จะมีหูดระยะนี้จะมีเชื้อโรคปริมาณมากหากสัมผัสอาจจะทำให้เกิดการติดต่อ
การติดต่อทางอื่น
-เชื้อจะอ่อนแอตายง่ายดังนั้นการสัมผัสมือหรือการนั่งโถส้วมจะไม่ติดต่อ
-หากผิวหนังที่มีแผลสัมผัสกับแผลที่มีเชื้อก็ทำให้เกิดการติดเชื้อ
-จากแม่ไปลูก
-เชื้อสามารถติดจากแม่ไปลูกขณะตั้งครรภ์และขณะคลอด

อาการของโรค
Primary Syphilis
-ในระยะ primary รอยโรคจะปรากฏเป็นแผลริมแข็ง Chancre ซึ่งจะมีลักษณะที่สำคัญดังนี้
-หลังจากได้รับเชื้อ 10-90 วันจะมีตุ่มแดงแตกออกเป็นแผลที่อวัยวะเพศตรงบริเวณที่เชื้อเข้า
-แผลมักจะเป็นแผลเดียว ไม่เจ็บ ขอบนูน ต่อมน้ำเหลืองจะโตกดไม่เจ็บ
-ตำแหน่งที่พบได้บ่อยได้แก่ อวัยวะเพศชาย อัณฑะ ทวารหนัก ช่องคลอด ริมฝีปาก
-แผลจะอยู่ 1-5สัปดาห์แผลจะหายไปเอง
-แม้ว่าแผลจะหายไปแต่ยังคงมีเชื้ออยู่ในกระแสเลือด
-สำหรับผู้ที่เป็นโรคเอดส์ และมีขนาดใหญ่และมีอาการเจ็บมาก
-การตรวจเลือกในช่วงนี้อาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30
Secondary Syphilis
-ระยะนี้จะเกิดหลังได้รับเชื้อ 17วัน- 6 เดือน
-ผู้ป่วยจะมีอาการอยู่ประมาณ 2-6 สัปดาห์แล้วจะหายไปแม้ว่าจะไม่ได้รับการรักษา
-ต่อมน้ำเหลืองโต
-ปวดตามข้อเนื่องจากข้ออักเสบ
-อาการที่สำคัญมีดังนี้
-มีผื่นสีแดงน้ำตาลที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ไม่คัน
-ผื่นนี้สามารถพบได้ทั่วตัว
-จะพบหูด Condylomata lata บริเวณที่อับชื้น เช่นรักแร้ ทวารหนัก ขาหนีบ
-จะพบผื่นสีเทาในปาก คอ และปากมดลูก
-ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
-ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สบาย
-อาการเหล่านี้จะอยู่ได้ 1-3 เดือนหายไปได้เอง และอาจจะกลับเป็นซ้ำ
-การตรวจเลือดในช่วงนี้จะให้ผลบวก
Latent Stage ระยะแฝง
-ช่วงนี้ผู้ป่วยไม่มีอาการของโรค ช่วงนี้กินเวลา 2-30 ปีหลังจากได้รับเชื้อ
-ในช่วงนี้จะทราบได้โดยการเจาะเลือดตรวจ
-ในระยะนี้อาจจะเกิดผื่นเหมือนในระยะ Secondary Syphilis
-ในระยะนี้หากตั้งครรภ์ เชื้อสามารถติดไปยังลูกได้
Late Stage (Tertiary)
-ระยะนี้จะกินเวลา 2-30 ปีหลังได้รับเชื้อ
-ระยะนี้เชื้อโรคจะทำลายอวัยวะต่างๆเช่น หัวใจและหลอดเลือด สมองทำให้อ่อนแรงหรืออาจจะตาบอด กระดูกหักง่าย
-หากไม่รักษาให้ทัน อวัยวะต่างๆจะถูกทำลายโดยที่ไม่สามารถกลับเป็นปกติ
-การตรวจเลือดอาจจะให้ผลลบได้ร้อยละ30
Congenital Syphilis
-หมายถึงทารกที่ติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เด็กจะมีอาการดังนี้
-เด็กจะมีอาการหลังคลอด 3-8 สัปดาห์
-อาการอาจจะมีเล็กน้อยจนไม่ทันสังเกตเห็น ทำให้ไม่ได้รับการรักษา
-เด็กโตขึ้นจะกลายเป็นระยะ Late Stage (Tertiary)
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นซิฟิลิส
การตรวจวินิจฉัยโรคนี้สามารถทำได้โดยการนำหนองจากแผล หรือเลือดไปตรวจหาตัวเชื้อ การตรวจเชื้อทำได้โดย
>>>>Darkfield Exam<<<<
-การตรวจทำไดโดยการน้ำเหลืองจากแผลหรือผื่นที่สงสัยไปตรวจ
-นำน้ำเหลืองนั้นไปส่องกล้องเพื่อหาตัวเชื้อ
-การตรวจนี้สามารถวินิจฉัยได้ทั้งระยะ Primary Syphilis และ Secondary Syphilis
>>>>การตรวจเลือด<<<<
การเจาะเลือดตรวจหาภูมิต่อเชื้อซิฟิลิสทำได้ 2วิธีคือ
-การเจาะเลือดเพื่อหาภูมิคุ้มกันซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงต่อเชื้อซิฟิลิส ได้แก่การเจาะ VDRL (Venereal Disease Research Laboratory) หรือ RPR (Rapid Plasma Reagent) หากให้ผลบวกต้องเจาะเลือดอีกเพื่อยืนยันการวินิจฉัย
การเจาะเลือดเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโดยการเจาะ FTA-ABS (Fluorescent Treponemal Antibody Absorption Test) หรือ MHA-TP (Microhemagglutination-Treponema Pallidum)
ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่เคยเป็นซิฟิลิสมาก่อนอาจจะให้ผลบวกหลอกโดยที่ไม่เป็นโรค
Cerebrospinal Fluid Test การตรวจน้ำไขสันหลังจะทำในรายสงสัยว่าจะมีการติดเชื้อในระบบประสาท

การรักษาโรคนี้ต้องทำอย่างไร
-ยาที่ใช้รักษาคือ Penicillin
-การรักษาต้องรักษาทั้งคู่
-หลังจากรักษา 6 เดือนต้องตรวจซ้ำหลังจากนั้นตรวจทุกปี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น